กลุ่มผู้ช่วยเหลือ ของอดีตประธานาธิบดี บราซิล ฌาอีร์ โบลโซนารู บุกในที่ประชุม คองเกรส ทำเนียบประธานาธิบดี รวมทั้ง ศาลสูง เนื่องจาก ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ (8 เดือนมกราคม) เพื่อต่อต้าน ผลของการเลือกตั้ง เหมือนเหตุ ที่ฝ่ายช่วยเหลืออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้
ลูอิส อินาซิโอ “ลูลา” ดา ซิลวา ประธานาธิบดี ฝ่ายซ้าย ซึ่ง เอาชนะ โบลโซนารู ในศึกลงคะแนนทั่วๆไป ที่เต็มไปด้วยปัญหา เมื่อปีที่แล้ว แถลงส่งเจ้าหน้าที่ ด้านความมั่นคงของรัฐบาลกลาง แทรกแซงสถานการณ์ใน กรุงบราซิเลีย ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม หลังจากพื้นฐาน กองกำลังความมั่นคงของเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่อาจจะรับมือ กับพวกผู้บุกรุกได้
ระหว่างการแถลงข่าว ลูลา กล่าวโทษ โบลโซนารู รวมทั้งคว่ำครวญ เกี่ยวกับมาตรการความมั่นคง ที่น้อยเกินไปในเมืองหลวง โดยกล่าวว่าพวกเจ้าหน้าที่ ปล่อยให้พวกฟาสซิสต์ และก็ พวกคนคลั่งก่อความเสียหายร้ายแรง
“พวกทำลายทรัพย์สินเหล่านี้ ที่เราสามารถเรียกได้ว่า คนคลั่งนาซี คนคลั่งสตาลิน คนคลั่งฟาสซิสต์ ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำ ในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้” ลูลากล่าว ระหว่างเดินทางเยือน รัฐเซาเปาลู อย่างเป็นทางการ “เราจะหาตัวคนที่ทำเรื่องนี้ จนพบทั้งหมด และ พวกเขาจะถูกลงโทษ”
พวกคนประท้วงใส่ชุดเหลืองเขียวหลายพันคน ก่อความปั่นป่วนในเมืองหลวง โหมกระพือความเครียดมานาน นับเป็นเวลาหลายเดือน ตามหลังศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 30 มกราคม ซึ่ง โบลโซนารู ยังปฏิเสธความแพ้พ่าย และ กล่าวอ้างว่า ระบบการเลือกตั้งด้วยเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ของ บราซิล เต็มไปด้วยการฉ้อฉล โหมกระพือการเปลี่ยนแปลง ก่อความร้ายแรงของบรรดาผู้ไม่ยอมรับผลออกเสียง
ราว 18.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือ ราว 3 ชั่วโมง ตามหลังมีรายงานเกี่ยวกับการบุกรุก จากการ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ในเบื้องต้น
กองกำลังด้านความมั่นคง จัดการทวงอาคาร คืนมาได้ 3 หลัง ตามรายงานข่าวสารของโกลบอลนิวส์ ระหว่างที่ ภาพข่าวสารเผยให้เห็นพวกก่อความปั่นป่วนหลายสิบคน ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวออกไป ในสภาพ โดนสวมกุญแจมือ
การบุกรุกครั้งนี้ เสี่ยงก่อให้เกิดปัญหาแก่ ลูลา ในทันที ในตอนที่เขา พึ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งใน วันที่ 1 มกราคม ก่อนหน้านี้ และ ให้คำมั่นประสานรอยร้าว สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแก่ประเทศ ที่ถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ จากความผิดใจกันทางการเมือง
ภาพข่าวสถานีโทรทัศน์ ประสบพบเห็นพวกผู้คัดค้านฝ่าแนวกันเข้าไปยังศาลสูง และก็ ที่ประชุม คองเกรส ตะเบ็งสโลแกน แล้วก็ ทุบทำลายเครื่องเรือน โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นมุ่งมาดว่า มีพสกนิกรประมาณ 3,000 คน เกี่ยวข้องกับเหตุนี้
โบลโซนารู ซึ่ง นาน ๆ ครั้ง จะออกมาพูดต่อสาธารณะ นับตั้งแต่ปราชัยศึกออกเสียง ยังไม่ออกมาให้ความคิดเห็นในประเด็นนี้ เขาเดินทางออกจาก บราซิล มุ่งหน้าเข้าสู่ ฟลอริดา 48 ชั่วโมง ก่อนสิ้นสุดวาระการรักษาตำหน่ง และ ไม่ได้ร่วมในพิธีสาบานตนของ ลูลา
“พวกป่าเถื่อนนี้ ได้รับการยุยงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จาก ไมอามี” ลูลา กล่าว อ้างถึง โบลโซนารู “ทุกคนรู้ดีว่าคำพูดต่าง ๆ นานา ของอดีตประธานาธิบดี ยุยงส่งเสริมสิ่งนี้”
สถานะการณ์ความร้ายแรงในกรุงบราซิเลีย บางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงทางกฎหมายแก่ โบลโซนารู ซึ่ง จนกระทั่งในเวลานี้ ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการบุกรุก ส่วนทนายความของครอบครัว โบลโซนารู ก็ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นเดียวกัน
ศาลสูง ถูกรื้อค้น โดยพวกผู้บุกรุก แล้วก็ จากภาพที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ประสบพบเห็นพวกผู้ประท้วงตีทำลายบานกระจกของตึกสมัยใหม่แห่งนี้ นอกเหนือจากนั้นแล้ว ในวิดีโอที่เผยแพร่อย่างกว้างขวาง บนสื่อสังคมออนไลน์ ยังพบเห็นตำรวจรายหนึ่งตกจากหลังท้า หลังจากถูกพวกผู้คัดค้านที่มีไม้เป็นอาวุธไล่ล่า
ไอบาเนอิส โรชา ผู้ว่าการ กรุงบราซิเลีย เขียนบนทวิตเตอร์ เผยว่าเขาได้ไล่ออก อันเดอร์สัน ตอร์เรส
เจ้าหน้าที่ควาามมั่นคงระดับสูงของเขา ซึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเคยเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ของ โบลโซนารู ในตอนที่ที่ทำการอัยการเผยว่า ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ตอร์เรส ไปแล้วด้วย
รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่ง เรียกร้องมานานยาวนานหลายเดือนให้ โบลโซนารู หยุดหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความข้องใจ ที่ไม่มีมูลต่อผลการลงคะแนน ออกมาการันตีอย่างหนักแน่น หนุนหลังการคุ้มครองป้องกันสถาบันประชาธิปไตยของ บราซิล เช่นเดียวกับหัวหน้าต่างชาติ ผู้อื่น
“เราขอประณามการโจมตีทำเนียบ ประธานาธิบดี บราซิล รัฐสภา และ ศาลสูง” แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เขียนบนทวิตเตอร์ “การใช้ความรุนแรงโจมตีสถาบันประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ เราร่วมกับ ลูลา เรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ในทันที”
รายงานของรอยเตอร์กล่าวว่า ในกรุงวอชิงตัน ปี 2021 พวกผู้ผลักดันและสนับสนุนของทรัมป์ จู่โจมตำรวจ ฝ่าแนวกั้น รวมทั้ง บุกในตึกสภานิติบัญญัติ ในความเพียรพยายามขวางรัฐสภา ไม่ให้ยืนยันความมีชัยในศึกออกเสียงปี 2020 ของ โจ ไบเดน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
ทรัมป์ บีบคั้นให้ ไมค์ เพนซื รองประธานาธิบดีของเขา ไม่รับรองการโหวตของสภานิติบัญญัติ แล้วก็ ยังคงกล่าวอ้างว่า เขาถูกลักขโมยผลการเลือกตั้งในปี 2020 ผ่านการฉ้อโกงอย่างกว้างใหญ่